โอกาสเติบโตของหุ้น TCAP หลังรวมธนาคาร “ธนชาต” กับ “TMB”

หลายคนคงอาจยังนึกไม่ออกว่า เมื่อ TCAP ตัดสินใจขายหุ้นสามัญของ “ธนาคารธนชาต” ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้แก่ “ทีเอ็มบี” จากนี้ไปศักยภาพในการเติบโตของ TCAP จะเป็นเช่นไร?

ไม่ต้องทาย ข้าจะบอกให้! … ในอนาคต TCAP ยังคงจะมีศักยภาพสูงขึ้นตามโอกาสทางธุรกิจของธนาคารใหม่ (ธนชาตรวมทีเอ็มบี) เนื่องจาก TCAP จะกลายเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารใหม่นี้ ด้วยสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่า 20%

และที่เด็ดกว่านั้นคือ… โครงสร้างการลงทุนของ TCAP จะมีการปรับเปลี่ยนภายหลังการรวมกิจการของธนาคารใหม่ โดยการลงทุนด้วยการถือหุ้นของ TCAP ในบริษัทต่างๆ แล้วเด็ดยังไง? ล่าสุด ธนชาตประกันภัย และราชธานีลิสซิ่ง 2 บริษัทลูกของ TCAP มีกำไรต่อปีแตะระดับพันล้านแล้วนะ ซึ่งถ้าใครอยากรู้รายละเอียดลึกๆ จะเป็นยังไง ตามมาอ่านกันได้เลย…

เริ่มจาก… การลงทุนด้วยการถือหุ้นของ TCAP ในบริษัทต่างๆ จะประกอบด้วย ธนชาตประกันภัย 51% บล. ธนชาต 51% ราชธานีลิสซิ่ง 65.2% (ถือผ่านธนชาต เอสพีวี 1) บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส 100% บริษัทบริหารสินทรัพย์ แม็กซ์ 83.4% บริษัทบริหารสินทรัพย์ ที เอส 100% เอ็ม บี เค ไลฟ์ ประกันชีวิต 51% อีกทั้งยังมีเงินลงทุนในบริษัทร่วม อย่าง เอ็ม บี เค และ ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี ในสัดส่วน 19.9% และ 19.6% ตามลำดับ ..มาดูโครงสร้างกันชัดๆ ที่รูปด้านล่างนี้ได้เลย

ความโดดเด่นที่ไม่มีใครปฏิเสธก็คือ ธนชาตเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของประเทศ เมื่อธนาคารธนชาตไปรวมกิจการกับทีเอ็มบีแน่นอนว่า ธนาคารใหม่นั้นก็ยังคงมีความโดดเด่นในเรื่องของสินเชื่อรถยนต์  แต่ยังมีบริษัทในกลุ่ม ธนชาต อีก 2 บริษัท ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ และเมื่อดูถึงผลประกอบการของบริษัทนี้จะพบว่าแต่ละบริษัทต่างก็มีผลงานที่ดี  นั้นก็คือ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ต่างมีกำไรในปี 2561 ระดับพันล้านขึ้นไปทั้ง 2 บริษัท ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีเหล่านี้จะสะท้อนมาสู่ TCAP อย่างมีนัยสำคัญ  และเมื่อเจาะลึกลงไปในทิศทางธุรกิจที่ทั้ง 2 บริษัทวางไว้ ต่างก็มีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่ดีตามรายละเอียด ดังนี้

ธนชาตประกันภัย ทุนจดทะเบียน 4,930 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัย!!

บริษัท ธนชาตประกันภัย 1 ในบริษัทลูกของ TCAP ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวมถึง 7,987 ล้านบาท เติบโตกว่า 6.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 1,042 ล้านบาท ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าถือกรมธรรม์มากกว่า 1.5 ล้านฉบับ ซึ่งจากการสำรวจลูกค้าเหล่านี้ต่างมีความพึงพอใจในการใช้บริการกับบริษัทสูงถึง 86%

ล่าสุดเพื่อรองรับกับการขยายธุรกิจและการเติบโตในอนาคต ธนชาตประกันภัย ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเป็น 4,930 ล้านบาท สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มประกันวินาศภัย และจากที่บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนถึง 807% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140% ทำให้ธนชาตประกันภัยสามารถต่อยอดสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้หลากหลายภายใต้ 4 กลยุทธ์สำคัญ คือ

  1. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบรับความต้องการลูกค้า (Customer Segmentation)
  2. การยกระดับบริการด้วยนวัตกรรม (Service Innovation)
  3. การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย (Distribution Expansion)
  4. การร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง (Business Partnership) ครอบคลุมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจบนช่องทางและมุมมองใหม่ๆ

นอกจากนี้ธนชาตประกันภัยยังมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพบริการด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ โดยเป็นผู้ให้บริการประกันภัยเจ้าแรกที่ให้ “บริการแจ้งอุบัติเหตุผ่านไลน์” อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ พร้อมเพิ่มบริการใหม่ๆ ผ่านไลน์ให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น ทั้งการ เช็คกรมธรรมได้ทุกเวลา ค้นหาอู่ซ่อมและโรงพยาบาล พร้อมรับสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

ธนชาตประกันภัยยังมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อยกระดับการให้บริการ เช่นการเปลี่ยนแปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หรือ “E-document”การนำเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาใช้ ประเมินราคาซ่อมรถยนต์แบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความแม่นยำในการพิจารณาและการส่งรถยนต์เข้าสู่กระบวนการซ่อมและการจัดการข้อมูลของลูกค้าอย่างเป็นระบบด้วย “Enterprise Database” ที่จะช่วยเสริมศักยภาพขององค์กร ให้ใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า

ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ธนชาตประกันภัย สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศสูงสุด บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารดีเด่น จากสำนักงาน คปภ. ซึ่งมอบให้กับบริษัทที่ได้รับรางวัล บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารดีเด่น รางวัลอันดับ 1 ต่อเนื่องกัน 3 ปีซ้อน และปีนี้นับเป็นปีที่ 8 ที่ธนชาตประกันภัยได้รับรางวัลจากเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ สะท้อนความสำเร็จด้านการบริหารงาน พร้อมความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการ เพื่อสร้างความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างไม่สิ้นสุดกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยครบวงจร ทั้งประกันภัยรถยนต์ประเภท 1, 2, 3, ภาคบังคับ ประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง และประกันสุขภาพ

เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการเติบโตสำหรับ “ธนชาตประกันภัย” แล้ว “ราชธานีลิสซิ่ง” ล่ะ เป็นยังไง มาดูกันต่อได้เลย..

THANI อีก 1 หุ้นคุณภาพกลุ่มเช่าซื้อ กับพอร์ทสินเชื่อกว่า 5 หมื่นล้านบาท

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ผู้นำธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุกของประเทศไทย บริษัทที่สร้างผลการดำเนินงานในปี 2561 ด้วยกำไร 1,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 45.74% ซึ่งมาจากการที่บริษัทสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกซึ่งเป็นพอร์ตสินเชื่อใหญ่สุดของบริษัทด้วยสัดส่วนประมาณ 70% ซึ่งบริษัทคาดว่าตลาดรถบรรทุกของประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง เพราะแม้การค้ายุคใหม่ที่ผู้คนมักจับจ่ายใช้สอยผ่านทางออนไลน์ แต่การค้าผ่านออนไลน์ก็ยังคงต้องการระบบขนส่ง (Logistic) ในระยะทางไกลๆ ด้วยรถบรรทุก ซึ่งเมื่อการค้าผ่านออนไลน์มีทิศทางเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าระบบขนส่งก็มีทิศทางที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยและก็จะส่งผลดีต่อการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกของบริษัท

ปัจจุบัน THANI เป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกใหม่ และรถบรรทุกใช้แล้วครอบคลุมทั่วประเทศ โดยได้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกใหม่และรถบรรทุกใช้แล้ว เริ่มตั้งแต่ประเภท 4 ล้อใหญ่ จนถึง 12 ล้อ, รถลากจูง, รถพ่วง, รถกึ่งพ่วง รวมถึงให้บริการในส่วนของอุปกรณ์และส่วนประกอบร่วมกับตัวรถ ที่ใช้ในการบรรทุกสินค้า ซึ่งทางบริษัทได้ให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกครอบคลุมหลากหลายยี่ห้อ เช่น HINO, ISUZU, VOLVO, MITSUBISHI เป็นต้น

จากประสบการณ์ที่มากกว่า 25 ปี ประกอบกับทีมงานมืออาชีพของบริษัทที่มีความรู้และความเข้าใจในให้บริการสินเชื่อรถบรรทุก รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญในการประเมินรถเก่า จึงสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองความพึงพอใจลูกค้า

นอกเหนือจากปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกแล้ว ราชธานีลิสซิ่งยังมีการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ Luxury Car และ Supper Car ซึ่งส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วน 20% ของพอร์ตสินเชื่อ อีก 10% เป็นรถบิ๊กไบค์และอื่นๆ นอกจากนี้ ในปีต่อๆ ไป บริษัทมีนโยบายในการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมกับธุรกิจการค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) และครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น เช่น การให้สินเชื่อเช่าซื้อ เรือ ลิฟท์ คอมพิวเตอร์ Software Hardware เครื่องเอ็กซเรย์ตามโรงพยาบาล รวมถึงเครื่องจักรต่างๆ เป็นต้น

จึงถือได้ว่าหุ้น THAINI เป็นหุ้นในกลุ่มเช่าซื้อที่มีอนาคตการเติบโตที่ดี โดยเมื่อดูย้อนหลังไป 3-4 ปี THAINI เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลมาตลอด และล่าสุดกับการประกาศผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน ของปี 2562 บริษัทก็ยังมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 50,754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,223 ล้านบาท หรือ 6.78% จากสิ้นปีก่อน มีสินเชื่อเช่าซื้อจำนวน 49,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,195 ล้านบาท หรือ 6.88%ซึ่งส่วนใหญ่มากจากการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก สำหรับกำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 2562 บริษัทมีกำไร 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โอกาสในการเติบโตต่อเนื่องของ “TCAP”

นอกเหนือจากกำไรแจ่มๆ ของบริษัทลูก ทั้ง 2 บริษัท คือ ธนชาตประกันภัย และ ราชธานีลิสซิ่ง ที่มีกำไรปีละระดับพันล้านแล้ว บริษัทลูกอื่นๆ ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีเช่นกัน ดูจากผลประกอบการ ณ สิ้นปี 2561 ที่ บล. ธนชาต มีกำไร 593 ล้านบาท บบส. ที เอส มีกำไร 237 ล้านบาท บบส. แม๊กซ์ มีกำไร 201 ล้านบาท

เมื่อมองในภาพรวมแล้ว TCAP ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้าน ทั้งการลงทุนในธนาคารใหม่ที่เกิดจากการรวมกิจการระหว่างธนาคารธนชาตและทีเอ็มบี ซึ่งธนาคารใหม่นี้จะมีความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจและสร้างผลกำไรที่ดีขึ้น ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้จะสะท้อนมาสู่ TCAP อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้การดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ เช่น ใน MBK (ธุรกิจศูนย์การค้า โรงแรม สนามกอล์ฟ อสังหาฯ) 19.9% และ PRG (ธุรกิจข้าวสารมาบุญครอง ร้านอาหารและศูนย์อาหาร) 19.6% และยังมีการลงทุนในแขนงอื่นๆ ที่ช่วยสร้างกำไรเพิ่มขึ้น TCAP จึงยังคงมีแนวโน้มที่จะมีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคตนั่นเอง

ติดตามทาง Facebook ที่เพจ ศาลเจ้าพ่อลงทุน